เลือกกล้องวงจรปิดอย่างไรให้เหมาะกับองค์กรของคุณ
ปัจจุบันแทบทุกองค์กรหรือทุกหน่วยงานรวมถึงบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่ติดตั้งอุปกรณ์ CCTV หรือที่เรียกว่ากล้องวงจรปิดกันทั้งสิ้น ด้วยความที่องค์กรเล็งเห็นถึงความสำคัญของการติดตั้งกล้องวงจรปิดในเรื่องความปลอดภัย ทำให้ผู้ผลิตหลากหลายยี่ห้อให้พัฒนารูปแบบและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้องวงจรปิดเพื่อตอบสนองและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้น ฉะนั้นเมื่อองค์กรของคุณตัดสินใจจะเลือกติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว ก็ควรเลือกให้แบบที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดกับองค์กรของคุณ
เราสามารถแบ่งกล้องวงจรปิดออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.Analog Camera
เป็นกล้องวงจรปิดยุคเก่าที่ใช้สัญญาณภาพในแบบ Coaxial, RG6 ถึงจะเป็นกล้องในยุคเก่าก่อนแต่ก็มีข้อดีคือ สามารถเดินสายได้ไกลกว่าระบบดิจิตอล โดยกล้องแบบนี้ในอดีตนั้นคุณภาพของภาพค่อนข้างจะต่ำ แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้กล้องวงจรปิดแบบ Analog มีคุณภาพของภาพที่สูง โดยสามารถให้ความคมชัดได้ตั้งแต่ 720P, 960P, 1080P หรือเรียกง่ายๆ คือ HD หรือ Full HD นั่นเอง และยังมีทิศทางในการพัฒนาระบบภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต ซึ่งกล้องวงจรปิดแบบ Analog นี้ เป็นการทำงานร่วมกับเครื่องบันทึก Digital Video Recorder(DVR) ซึ่งจะบันทึกภาพจากกล้องลงไปใน HDD รวมถึงการใช้ในการเชื่อมต่อกับระบบ Network ด้วย โดยกล้องแบบนี้จะมีหลากหลายรูปทรงทั้งแบบมาตรฐาน เปลี่ยนเลนส์ให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน แบบอินฟราเรด มีทั้งทรงกระบอกและทรงโดม เป็นต้น
2.IP Camera
เป็นกล้องวงจรปิดที่เป็นระบบดิจิตอล ใช้การเชื่อมต่อสัญญาณด้วยระบบ LAN สามารถเชื่อมต่อกับ Network ได้ โดยถ้าเป็นกล้องที่รองรับ DDNS หรือ P2P ได้ ก็จะทำให้เราสามารถตรวจสอบภาพจากกล้องได้จากที่ไหนก็ได้ผ่านระบบออนไลน์ โดยกล้องมีความคมชัดสูง และมีหลายระดับ เช่น 720P, 960P, 1080P, 3MP, 5MP เป็นต้น แต่กล้องประเภทนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ที่ระยะในการเดินสายสัญญาณจะได้ไม่เกิน 80 เมตร ซึ่งถ้าต้องการให้ไกลกว่านี้จะต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมอย่าง Switch Hub หรือ ใช้การเดินสายด้วย Fiber Optic แทน ก็จะสามารถเดินสายได้ไกลกว่าเดิม กล้อง IP Camera มีหลายรูปทรงไม่ว่าจะเป็นทรงกระบอก ทรงโดม หรือสปีดโดมซึ่งสามารถควบคุมการก้ม เงย ส่าย ที่สำคัญซูมได้ด้วยนั่นเอง
องค์กรของคุณควรเลือกกล้องวงจรปิดลักษณะไหนจึงจะเหมาะกับการใช้งาน
1.กล้องวงจรปิดมาตรฐาน (Standard Camera)
กล้องแบบนี้จะมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกล่อง จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า กล้อง BOX ความพิเศษของกล้องชนิดนี้คือ สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ตามลักษณะของการใช้งาน ทั้งเลนส์กว้างและเลนส์แคบ สามารถมองเห็นในที่แสงน้อยได้เพราะเลนส์มีรูรับแสงที่กว้าง โดยทั่วไปจะมีเลนส์ 3.6 mm. ซึ่งเป็นเลนส์ที่เห็นในแบบมุมมองกว้าง แต่ถ้าต้องการมุมที่แคบอย่างเช่น ต้องการส่องป้ายทะเบียนของรถที่ผ่านเข้าออกในพื้นที่ ก็สามารถติดตั้งเลนส์ Auto Iris ได้ เพราะเลนส์ตัวนี้จะสามารถซูมภาพป้ายทะเบียนรถได้แม้จะมีแสงไฟส่องเข้าที่กล้องก็ตาม เพราะเลนส์ตัวนี้สามารถถ่ายย้อนแสงได้อย่างดี
2.กล้องวงจรปิด Speed Dome (PTZ)
ความสามารถของกล้องขนิดนี้คือสามารถใช้การสั่งงานจากคีย์บอร์ดเพื่อควบคุมการทำงานของกล้องได้ เช่น การซูม การแพน หรือการก้มเงย ซึ่งสามารถควบคุมผ่านทาง network ได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดให้กล้องทำการหมุนเองไปตามทิศทางต่างๆ ที่ต้องการได้อัตโนมัติอีกด้วย กล้องชนิดนี้เหมาะกับการติดตั้งภายในโรงงาน แนวถนน ลานจอดรถที่หรือที่ต้องการมุมมองที่ระยะไกล
3.กล้องวงจรปิดอินฟราเรด (IR Camera)
เป็นกล้องที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป สามารถใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเวลากลางวันภาพจะเป็นสี แต่พอเป็นเวลากลางคืนกล้องจะปรับการทำงานอัตโนมัติเป็นภาพ ขาว-ดำ และที่หน้ากล้องจะมีหลอด LED อินฟราเรดใช้สำหรับส่องสว่างในเวลากลางคืน ตัวกล้องเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มืดสนิท เช่น ห้องเก็บของ ด้านหลังอาคาร ลานจอดรถ กล้องชนิดนี้จะมีอยู่ 2 แบบคือ
- กล้อง Dome รูปทรงเป็นครึ่งวงกลมมีขนาดกะทัดรัด เหมาะกับติดตั้งภายในสำนักงาน หรือในอาคาร แต่จะไม่เหมาะกับภายนอกเพราะไม่มีระบบกันน้ำ และด้วยความเล็กกะทัดรัดทำให้การติดกล้องโดมจะดูแนบเนียนเมื่อติดไปกับแนวกำแพงหรือฝ้าเพดาน จะไม่เป็นที่สังเกต
- กล้อง Bullet กล้องแบบนี้จะเป็นที่นิยม เพราะมีคุณสมบัติในการออกแบบมาให้กินแสงต่ำ ทำให้แม้ตอนกลางคืนก็สามารถเห็นสว่างได้ ด้วยลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกยาวและขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคารเพราะมีคุณสมบัติทนแดดทนฝนได้ดี จะติดตั้งใต้ฝ้าเพดาน ผนังกำแพง หรือพื้นที่ภายนอกก็ดูจะใช้ได้และดีไปหมด
หน้าที่เข้าชม | 1,098,982 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 752,020 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ส.ค. 2568 |